“กิตติ เฟื่องฟู” เลขานุการนกยกเทศมนตรีเมืองหัวหิน “เส้นทางชีวิต การบริหาร การพัฒนาบ้านเมือง และ การประยุกต์ใช้แนวคิดแบบร่วมสมัย ให้กับ อ.หัวหิน”

“กิตติ เฟื่องฟู” เลขานุการนกยกเทศมนตรีเมืองหัวหิน “เส้นทางชีวิต การบริหาร การพัฒนาบ้านเมือง และ การประยุกต์ใช้แนวคิดแบบร่วมสมัย ให้กับ อ.หัวหิน”

แชร์โพสนี้ไปยัง Facebook ของคุณ

“กิตติ เฟื่องฟู” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารจากทั้งหมด 7 ท่าน ของเทศบาลเมืองหัวหิน ประวัติการศึกษาจบการศึกษาด้านรัฐศาสนศาสตร์ ปริญญาตรี เกรียรตินิยม ปริญญาโทด้านรัฐศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ปัจจุบันอายุ 31 ปี และเรียกได้ว่า “เป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองหัวหิน”

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณกิตติมาทำงานสายบริหาร?

“จุดเริ่มต้นก่อนหน้านี้เคยรับราชการอยู่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ 7 ปี และมองว่าการทำงานในรัฐวิสาหกิจก็ตอบโจทย์ชีวิตเราได้ในระดับหนึ่ง แต่ว่าในมุมมองที่เราจะขับเคลื่อนจะเปลี่ยนเมือง เปลี่ยนบ้านตัวเองเราไม่สามารถจะขับเคลื่อนในจุดนี้ได้ เลยตัดสินใจลาออก และไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท จนได้มีโอกาสพบกับเพื่อนๆ และผู้ใหญ่ที่เขาให้ความเมตตา และชวนเราไปทำงานที่สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคณะกรรมการ ประเมินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดีของสำนักนายกรัฐมนตรี และมีโอกาสได้เป็นคณะกรรมการประเมินเทศบาล อบต. อบจ. ทั่วประเทศหลายร้อยแห่ง ทำให้มีประสบการณ์ที่จะบริหารจัดการ และนำประสบการณ์ที่ได้มาปรับใช้กับเมืองหัวหิน”

แสดงว่าสมัยเรียนต้องมีบางอย่างที่น่าสนใจ จนเป็นแรงบันดาลใจให้คุณกิตติเลือกที่จะเดินในเส้นทางนี้แน่ๆ

“ใช่… แรงจูงใจเนี่ยเกิดจากการที่เราชอบ และเราก็ศึกษาด้านรัฐศาสตร์ เราชอบการเมือง ตอนที่เราไปเรียนเราได้เรียนกับอดีตผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะเป็นท่านชวน หลีกภัย, ท่านอนุพงษ์ ที่เราได้ไปศึกษา และไปเรียนรู้กับเขา ทำให้เราเห็นว่าทิศทางในการบริหารเมืองหัวหิน ถ้าเราไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ทิศทางอาจจะไม่ได้เดินมาในทิศทางนี้ แต่ในทีมบริหารปัจจุบันเป็นทีมที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด”

นอกจากการบริหารงานทั่วไป คุณกิตติอยากพัฒนาอะไรเพิ่มเติม? 

“อีกส่วนหนึ่งคืออยากจะเข้ามาส่งเสริมเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของวิชาการ และนวัตกรรม นวัตกรรมก็จะแบ่งเป็นในส่วนของกนะบวนการทำงาน ที่เรามี Material แต่จะใช้ให้แตกต่างจากคนอื่นอย่างไร เช่น การทำถนนเราทำยังไงให้เส้นถนนเรืองแสงได้ อีกส่วนหนึ่งคือในเรื่องของกระบวนการ เช่น การบริหารจัดการในเรื่องของน้ำประปา ที่อื่นเขามีการบริการจัดการกันอย่างไร เราก็จะดูที่อื่นที่เขาได้รับรางวัลในระดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งในส่วนของโซล่าเซลล์ หรือ ภาพลักษณ์เมือง”

ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย

“สำคัญเลยคือ “ทำแบบเดิมอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง” เช่น เราจะสร้างเสาไฟสักต้นหนึ่งซึ่งปกติสามารถให้แสงสว่างได้อย่างเดียว แต่ถ้าเราสร้างเสาไฟที่มี SOS (ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน) ซึ่งก็เพิ่มเงินอีกไม่กี่บาท แต่มันก็คือผลลัพธ์ที่แตกต่าง ภายใต้กระบวนการทำงานที่เท่าเดิม นี่แหละคือคำตอบ”

นอกจากพัฒนาเมืองแล้ว คุณกิตติพัฒนาตัวเองอย่างไร ?

“ผมทำงานตั้งแต่ 7.30 น. แต่เวลาราชการคือ 8.30 – 16.00 น. ซึ่งถ้าใครมาก่อนก็จะเจอผมมาทำงานแล้ว เพราะเวลาช่วงเช้ามันเป็นเวลาที่เราได้มีโอกาสเรียนรู้เพิ่มเติม ผมก็จะมีโอกาสได้ดูวิดีโอเกี่ยวกับนวัตกรรมการทำงานของผู้บริหารที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เช่น อาจารย์ชัชชาติ (ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ) ผมก็จะศึกษา และเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา นโยบายของเขากว่า 200 นโยบาย ผมก็พยายามหยิบจับมาว่าส่วนไหนที่เราพอจะนำมาต่อยอดให้กับเมืองหัวหินได้”

งานหลักๆ ส่วนใหญ่ดูแลเรื่องอะไรบ้าง ?

“ส่วนการทำงานก็จะแบ่งเป็น 2  ส่วน คือในเวลาราชการ หน้าที่หลักๆ ที่ผมดูแล คือความเดือดร้อนทั่วไปของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำไม่ไหล ไฟไม่สว่าง ทางไม่ดี ก็จะต้องดูแลในเขตเทศบาลทั้งหมด 86 ตารางกิโลเมตร ประชากรทั้งหมดหกหมื่นห้า ประชากรแฝงอีกแสนกว่าคน เรื่องก็จะมากองรวมที่ผมทั้งหมด อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนนโยบายของท่านนายกฯ ปัจจุบันผมก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาเมืองหัวหิน เดี๋ยวอีกสักระยะหนึ่งก็จะมีการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการ Smart City”

Smart City คืออะไร ?

“ในมุมมองของผม Smart City อาจจะไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีทั้งหมด เราต้องเอาเข้ามาใช้เพื่อให้เหมาะสมกับจุดเด่นของเมืองเราทั้งเรื่อง อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ศิลปะ ให้สอดคล้องกัน แต่อาจจะไม่ได้ทำรวดเดียวทั้งเมืองด้วยภายใต้งบประมาณที่จำกัด เช่น ตอนนี้ผมมีแนวคิดจะทำ Smart People โดยปูพื้นฐานจากนักเรียน โรงเรียนในสังกัดเทศบาล ซึ่งรวมแล้วประมาณ 3,000 คน เราก็จะสร้างเยาวชนตรงนี้ให้เป็นฐานของเมืองในการพัฒนาหัวหินให้เป็นเมือง Smart City ได้ ทั้งนี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะมีโอกาสได้ประสานงานตรงนี้ต่อไหม แต่ผมคิดว่าใครมาทำงานต่อก็สามารถสานต่อได้ และเป็นประโยชน์กับเมืองหัวหินแน่นอนอยู่แล้ว”

พูดถึงหัวหิน คุณกิตตินึกถึงอะไรเป็นอย่างแรก ?

“อย่างแรกเลยมาหัวหิน ก็ต้องนึกถึงทะเลเป็นอันดับแรก เราค่อนข้างโชคดีที่เรามีชายหาดในเขตเทศบาลยาวตลอด 22 กิโลเมตร อีกทั้งลานชายหาดของเราสามารถจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ได้ เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะตรงหาดหัวดอนที่มีพื้นที่งอกออกมาจากการสร้างท่าเรือเฟอร์รี่ ทำให้ทรายมาทับถมกัน ตอนนี้น่าจะขยายออกมาเป็นไร่แล้ว และในอนาคตก็มีทิศทางว่าจะงอกออกมาถึง 5 ไร่ ทำให้พื้นที่ตรงนี้เราสามารถจัดกิจกรรมทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติได้”

ฟังดูน่าสนใจมาก นักท่องเที่ยวคงสนใจเยอะแน่ๆ

“ใช่เลย แต่ที่เราจะต้องพัฒนาเพิ่มเติมก็คือ กลุ่มรถสาธารณะที่จะเข้ามาแก้ปัญหาการจราจรในเวลาที่เราจัดงาน อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องสถานที่จอดรถ เราก็ได้มีการไปพูดคุยกับทางวัดเขาลั่นทด หรือภาคเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียงว่าขอให้มีการจัดสถานที่จอดรถ และมีการเก็บค่าบริการที่ไม่แพงจนเกินไป ไม่ฉกฉวยโอกาสในส่วนนี้ ให้ทุกส่วนเข้ามาร่วมมือกันเพื่อให้กิจกรรมได้เดินต่อไปได้ ถ้านักท่องเที่ยวมาแล้วเจอค่าจอดรถแพงๆ เขาก็ไม่อยากมา”

นอกจากทะเลแล้ว มีที่ไหนที่ไม่ควรพลาดอีกบ้าง ?

“หัวหินเป็นเมืองใกล้หุบเขา มาทะเลแล้วยังได้เที่ยวภูเขาด้วย ไหนจะน้ำตกอีก นอกจากนี้ก็คือแหล่งท่องเที่ยวเชิงอัตลักษณ์ของเมืองหัวหิน ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟ ตลาดโต้รุ่ง ตลาดฉัตรชัย หรือตลาดเอกชนอย่าง ซิเคด้ามาร์เก็ต แทมมารีนมาร์เก็ต ซึ่งด้วยสถานที่มากมายเหล่านี้ ผมมีแนวคิดที่จะทำโครงการ Smart Mobility ซึ่งกำลังศึกษาจากโมเดลของเทศบาลนครภูเก็ต เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวแบบแบคแพคได้ สามารถที่จะใช้รถโดยสารสาธารณะไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ไกลเมืองออกไปได้ ซึ่งอยู่ในขั้นเตรียมการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567”

คุณกิตติคิดเห็นอย่างไรกับการพัฒนาเมืองหัวหิน ?

“การเมืองเป็นบันไดขั้นแรกของทุกอย่าง ซึ่งเป็นขั้นแรกที่มีความสำคัญมากๆ การปรับชุดความคิดของคนให้ทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหน ผมเชื่อว่าแต่ละทีมมีคนที่มีความรู้ความสามารถด้วยกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้ามีการพูดคุยกัน ดึงความสามารถของแต่ละพรรคแต่ละส่วนมาใช้ ก็จะเกิดประโยชน์กับเมืองหัวหิน” 

“อีกส่วนหนึ่งคืออยากให้ร่วมกันพัฒนาเยาวชน เพราะพวกเขาเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง ถ้าเราส่งเสริมอะไรเขา ต่อไปเขาก็จะต่อยอดเรื่องนั้น สำคัญเลยคือต้องถามความต้องการของพวกเขาด้วยว่าต้องการอะไร เช่น เขาต้องการ E-Sport หรือ อะไรที่เป็นนวัตกรรมที่เขาสามารถอยู่กับมันได้จริงๆ  ส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กๆและเยาวชนเกิดความสนใจในการที่จะเข้ามาพัฒนาบ้านเมือง” 

สุดท้ายนี้ คุณกิตติคิดว่าหัวหินในอนาคตจะเป็นอย่างไร ?

“ในมุมมองของผมคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี นักท่องเที่ยวต่างประเทศถึงจะฟื้นกลับไปอยู่ใกล้เคียงกับตัวเลขในระดับเดิม ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เมืองหัวหินไม่เป็นเมืองร้าง ทำให้ระบบเศรษฐกิจยังสามารถหมุนเวียนไปได้ หรือการเพิ่มเที่ยวบินก็มีส่วนสำคัญ เที่ยวบินภายในประเทศในหัวหินนั้นก็มี เชียงใหม่ อุดรฯ และเดี๋ยวจะมีการเพิ่มภูเก็ตเข้ามาซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวมาใช้เงินในพื้นที่เรา เพราะปัจจุบันนี้ราคาเชื้อเพลิงสูงมาก ผมมองว่าตรงนี้เป็นโอกาสที่รัฐบาลควรมีการผลักดันให้ใช้รถโดยสารสาธารณะ ซึ่งในปีหน้านี้การรถไฟก็จะสร้างรถไฟรางคู่ ทำให้การเดินทางจากกรุงเทพ-หัวหิน ลดระยะเวลาในการเดินทางที่อาจจะเหลือเพียง 2  ชั่วโมง ทำให้โอกาสที่นักท่องเที่ยวจะปรับเปลี่ยนลักษณะการเดินทางจากรถโดยสารส่วนตัวมาเป็นการโดยสารสาธารณะมากขึ้น แต่ผมก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่า อีกส่วนหนึ่งก็คือเมืองหัวหินต้องเป็นเมืองที่สิ่งแวดล้อมยั่งยืน เป็นเมืองที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอน เราได้มีการลงนามความร่วมมือกับในเครือของ EU ในการที่จะต่อสู้กับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตรงนี้ก็จะเป็นส่วนที่จะมาเสริมเมืองของเราในการลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน ให้เมืองหัวหินเป็นเมืองตากอากาศเป็นเมืองพักผ่อนที่แท้จริงครับ” (ยิ้ม)

admin
Author: admin

Add Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Phone: 081-192-3737
10/6 ถนนแนบเคหาสน์ ต.หัวหิน อ.หัวหิน
จ.ประจวบคีรีขันธ์ 76110